วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ต้นแบบงานวิจัย








generation ต่างๆ

   ยุค Baby boomer

จากข้อมูลที่ได้รูปแบบการใช้ชีวิตของ Baby Boom ได้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม

Best เป็น Baby Boom ที่มีช่วงอายุ 45-50 ปี ชอบความล้ำสมัย ก้าวทันเทคโนโลยี ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเทคโนโลยีอยู่เสมอ ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพ ถีการใช้ชีวิตของคนกลุ่มนี้ คือ มีการพบปะปฏิสัมพันธ์กับผู้คนค่อนข้างมากจากการทำงานหรือเครือข่ายของการทำงาน จึงมักที่จะดูแลภาพลักษณ์ทั้งภายนอกและภายในของตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ เช่น ใช้สินค้าคุณภาพดีที่เสริมบุคลิก ทานอาหารเสริม และไปสถานออกกำลังกาย อาทิ fitness ตามห้างสรรพสินค้าหรือแหล่งนิยมท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ มีพฤติกรรมการใช้บัตรเครดิตเพื่อจับจ่ายใช้สอย โดยจากการศึกษา พบว่ามักจะมีจำนวนบัตรเครดิต2-3 ใบ ต่อคน


การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและบริการจะพิจารณาที่คุณภาพและประโยชน์ที่ได้รับจากสินค้านั้นๆ ส่วนใหญ่จะจับจ่ายตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมือง เช่น Siam Paragon, Central หรือ Emporium เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการจากทาง website เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ยังสนใจด้านเทคโนโลยีจึงมีความสามารถในการใช้internet ดังนั้นการติดต่อสื่อสารกับกลุ่ม Best จึงทำได้ด้วย internet รวมถึงนิตยสารประเภทธุรกิจหรือสารคดีอีกด้วย

Bright มีอายุตั้งแต่ 49-57 ปี รูปแบบและทัศนคติที่โดดเด่นที่สุดของคนในกลุ่มนี้ คือ การดูแลสุขภาพทั้งทางกายและทางใจ โดยวิถีของธรรมชาติ เช่น การปฏิบัติธรรมตามสถานปฏิบัติธรรม ออกกำลังกายตามแหล่งธรรมชาติ นิยมอาหารชีวจิต ทานวิตามินหรืออาหารเสริมเพื่อเสริมสร้างสุขภาพ เวลาว่างกิจกรรมหลักคือการดูทีวี อ่านนิตยสาร หรือพบปะกับกลุ่มเพื่อนสนิทเป็นกลุ่มเล็กๆ
สินค้าที่สนใจมักจะอิงธรรมชาติ เช่น การบริโภคผักปลอดสารพิษ หรือสมุนไพรไทย เก้าอี้นวดเพื่อการผ่อนคลาย ใช้บัตรเครดิตเพียงใบเดียว ทัศนคติในการเลือกซื้อสินค้าและบริการจะให้ความสำคัญในเรื่องของความคุ้มค่า สถานที่จับจ่ายใช้สอย คือ Villa Market, Central หรือ The Mall เป็นต้น การจะเข้าถึงคนกลุ่ม bright นี้ได้ควรสื่อสารผ่านทางหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือ website การใช้ Word-of-mouth เป็นอีกช่องทางหนึ่ง เพราะคนกลุ่มนี้มักจะพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับกลุ่มเพื่อนสนิทอยู่เสมอ เนื่องจากกลุ่ม Bright มักจะชอบการสื่อสารแบบ Personal Selling โดยมีผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้งานสินค้านั้น

  Basic อายุระหว่าง 55-63 ปี และส่วนใหญ่จะเกษียณแล้ว กิจกรรมหลักคือการดูทีวี อ่านนิตยสารมากกว่ากลุ่ม Bright และ Best ให้ความสนใจกับสินค้าที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน มองเห็นง่าย เช่น โทรศัพท์มือถือที่มีปุ่มกดขนาดใหญ่ หน้าจอกว้างเพื่อให้เห็นตัวเลขได้ชัดเจนขึ้น
สินค้าและบริการที่ถูกใจคนกลุ่มนี้ คือ สินค้าขายตรง เช่น แอมเวย์, ทีวี ไดเร็ค ที่มีแค็ตตาล็อกบริการจัดส่งให้ถึงบ้าน ชอบซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านด้วยตนเองและราคาสมเหตุสมผล เพราะคนกลุ่มนี้จะค่อนข้างมัธยัสถ์ ห้างสรรพสินค้าของคนกลุ่มนี้ก็คือ เช่น Big C, Tesco Lotus, Carrefour
จากข้อมูลข้างต้นนี้นักการตลาดสามารถนำไปต่อยอดการศึกษาในเชิงลึก เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็น Baby Boomer ในเมืองไทย และกำหนดเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับผลิตสินค้าหรือบริการที่ตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุดต่อไป



อ้างอิ
บทความตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4113 หน้า47


Generation X 



Generation X คือ กลุ่มคนที่อายุ 29-43 ปี มีลักษณะพฤติกรรมชอบอะไรง่ายๆ ไม่ต้องเป็นทางการให้ความ สำคัญกับเรื่องความสมดุลระหว่างงานกับครอบครัว (Work-life Balance) มีแนวคิดและการทำงานในลักษณะรู้ทุกอย่างทำทุกอย่างได้เพียงลำพัง ไม่พึ่งพาใคร มีความคิดเปิดกว้าง พร้อมรับฟังข้อติติง เพื่อการปรับปรุงและ พัฒนาตนเอง


ในด้านการทำงาน ยิฟฟี่ หรือ gen X จัดว่าเป็นกลุ่มที่มีความตั้งใจและความทะเยอทะยาน เพราะเกิดมาในยุคที่การแข่งขันสูง (เทียบดูกับประวัติศาสตร์ก็คือ ยุคอุตสาหกรรมเศรษฐกิจเฟื่องฟูหลังสงครามอะไรทำนองนั้น) แต่ด้วยเอกลักษณ์ที่ว่าคนรุ่นนี้รักอิสระ ยิฟฟี่จึงรู้จักจัดสรรเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนให้คล่องตัว และเริ่มยืดชีวิตโสดของตัวเองออกไป


ในด้านการใช้จ่ายเงินนั้น เหล่ายิฟฟี่กลับมีความรอบคอบในการใช้จ่ายเงินตรามาก ในงานวิจัยจัดว่าเป็นกลุ่มที่ใช้เงินเป็น อะไรที่ไม่จำเป็นจริงๆก็ไม่ซื้อ แต่อะไรที่จำเป็น ถึงจะแพงแค่ไหน ก็ควักตังค์จ่ายได้โดยไม่ลังเล และเพราะความระมัดระวังในการจัดการรายรับรายจ่ายนั้น การเข้ามาของเทคโนโลยีก็มิได้ทำให้คนรุ่นนี้ถึงกับเพ้อคลั่งนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ข้ามวันข้ามคืนเหมือนเด็กรุ่นใหม่บางคน แต่เขาจะใช้เพื่อการทำงานและเพื่อความสะดวกสบายเท่านั้น



Generation Y 




gen Y คือ ผู้ที่กำลังก้าวเข้ามาสู่วัยทำงาน
หากดูจากหลายๆตำราแล้ว gen Y จะจัดเป็นกลุ่มคนอายุตั้งแต่ 15 - 30 ต้นๆ เป็นกลุ่มคนที่เกิดมาพร้อมกับความสงสัย เป็นรุ่นลูกของ gen X และมีปู่ย่าตายายเป็น gen B เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เกิดมาด้วยความเพียบพร้อม และความสับสน

BK ให้ภาพ Generation Y แบบไทยๆ ไว้น่าสนใจว่า Gen ' Y เป็นกลุ่มคนที่เกิดในช่วงเวลาบ้านเมืองสงบและง่ายดายขึ้น พวกเขาไม่รู้จักเหตุการณ์ 14 ตุลาคม และยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พวกเขามีแม่บ้านคอยดูแลทำความสะอาดบ้านให้ มีรถที่พ่อแม่ซื้อให้ เชี่ยวชาญการท่องเน็ท เคเบิลทีวี และโทรศัพท์มือถือ หรือ PDAs ซึ่งทำให้เข้าถึงหาข้อมูลต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

BK ยังบอกอีกว่า นับแต่โมเดิร์นด็อก วงอัลเทอร์เนทีฟของเมืองไทยปรากฏตัวขึ้นเมื่อปี 1994, เป็นเอก รัตนเรือง ทำหนังฝันบ้าคาราโอเกะ ในปี 1997 ,แฟตเรดิโอ และอะเดย์ แมกกาซีน ในปี 2000 , ปรากฏการณ์เหล่านี้ทำให้ Generation Y มีพื้นที่ของตัวเอง สื่อต่างๆ เหล่านี้บอกว่า ทุกๆ คนสำคัญและมีหนทางของตัวเอง การตลาดเพื่อคนส่วนใหญ่ ( mass ) นั้นเชย ( out ) ไปแล้ว

เรื่อง Relationships ของพวกเขา ยิ่งเป็นเรื่องง่ายของGen' Y เหมือนกับ กดปุ่ม " Add as Friend " ใน My Space เรื่องเอนเตอร์เทนทั้งหลายอีก Gen ' Y สนองความต้องการของตัวเองได้ทันที แค่ คลิก iTunes หรือ BitTorrent

ในที่ทำงาน BK บอกว่า Gen ' Y มักจะมีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก พวกเขามักจะต้องการเงินเดือนสูงๆ และไม่ต้องการไต่เต้าการทำงานจาก "ข้างล่าง" พวกเขาคาดหวังเงินเดือนมากกว่าคนที่มีประสบการณ์การทำงานมาแล้ว 10 ปี
พวกเขาไม่ได้ต้องการคำแนะนำว่า ควรหรือไม่ควรทำอะไร ไม่เชื่อในการใส่ยูนิฟอร์ม ไม่เชื่อเวลา 9-5 ของออฟฟิศ เวลาทำงานให้ใครพวกเขาต้องการอิสระและเป็นตัวของตัวเอง พวกเขาพูดว่า "ไม่" ทันทีถ้าไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นส่วนใหญ่ และหลายๆ คนใน Generation Y มักจะทำงานแบบ Freelance

generation newbie

  เด็กรุ่นใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งมือใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ต มีความเร็วและเชื่อมโยงข้อมูลได้ด้วยตัวเอง ไม่สนใจโฆษณา การโน้มน้าวจิตใจ เพราะเห็นว่าเกินจริง และคอมพิวเตอร์คือปัจจัยที่ 5 ของพวกเขา